วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

การวิเคราะห์ระดับเศรษฐกิจและนโยบายประเทศ

    เมื่อคราวก่อนได้บอกถึงการวิเคราะห์ราคาพื้นฐานของหุ้นไปแล้วคราวนี้เราก็มาวิเคราะห์ในระดับที่ใหญ่กว่า
  1. เรื่องแรกที่เราต้องรู้เลยก็ คือ อัตราดอกเบี๊ยและเงินเฟ้อ ซึ่งในปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อนั้นมากกว่าดอกเบี๊ยเสียอีกหมายความว่าถ้าคุณเอาเงินไปฝากทหารกินดอกเบี๊ย แต่หารู้ไม่ว่าเงินมันได้กินเราไปอีกที
   - ผมจะเปรียบเทียบให้ดูดัง    Ex.เงินเฟ้อ = 5% อัตราดอกเบี๊ย = 3%
      สมมุติวันี้คุณมีเงิน 100 ไปฝากดอกเบี๊ยนี้ปีจะได้เป็น 103 บาท ในขณะที่เงินเฟ้อทำให้ราคาสินค้า ผมขอยกตัวอย่างว่าน้ำ ราคาขึ้นไป 5% จากเดิม 3 ลิตร 100 เป็น 3 ลิตร 105 บาท ปัจจุบันปัญหาเงินเฟ้อเป็นปัญหาที่จะมีผลกระทบในระยะยาวหากไม่ได้รับการแก้ไข
  2. พฤติกรรมของตลาดหุ้นบ้าน คุณลองมาศึกษาดูแล้วคุณจะพบว่าตลาดหุ้นบ้านไวมากกับเรื่องข่าวสารและก็ชอบหุ้นที่มันแรง โวลุ่มสูงๆ นี้จะเข้ากันมันเลย อิ (ระวังติดดอยนะ) ลองไปศึกษาดูนะครับแล้วแต่มุมมองของคน ไม่แน่คูรอาจจับจุดถูกก็ได้รวยล๊ะ คราวนี้
  3. นโยบายการคลังของประเทศ เช่น การขึ้นหรือลดภาษีบริษัทซึ่งจดทะเบียในตลาดหลักทรัพย์ การประกาศลดดอกเบี๊ยการซื้อบ้าน 2 ปีแรกเหลือ 0% และไม่เสียค่าโอน ซึ่งของพวกนี้ถ้าเราติดตามดีๆจะพบว่าบางทีกระทบกับราคาหุ้นแบบกระโดดถึง 10% เลยทีเดียว ลองดูใน กรุงเทพธุรกิจ
  4.  นโยบายระหว่างประเทศ,อัตราแลกเปลี่ยน แน่นอนอาจไม่มีผลกระทบกับเรามากแต่ลองคิดดูว่า บริษัทในตลาดหุ้นที่ต้องค้าขายกับต่างประเทศจะกระทบขนาดไหน รวมถึงนโยบายที่ทำให้ นักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนใน ตลาดเกิดใหม่ แบบตลาดหุ้นไทย ไม่ว่าจะเป็นการอ่อนค่าของค่าเงิน US ลองเข้าไปอ่านดูใน bloomberg ก็ได้ในครับ รวบรวมไว้เยอะมากแปลไม่ออกก็ Google ครับ
  5. การเมือง อันนี้ก็ง่ายๆครับ การเมืองเสถียรหุ้นมันก็ขึ้น ไม่ก็ลง แบบตามกระแสอ๊า (พี่ไทยมุง อิๆ)
  6. Business Cycle หรือวัฎจักรธุรกิจ ซึ่งอาจแบ่งง่ายๆเป็น 3 ประเภท คือ
     - Growth industry หรืออุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัว โดยส่วนมากมักมีการเติบโตสูงผิดปกติและเป็นอิสระจากภาวะเศรษฐกิจ ง่ายๆคือ เศรษฐกิจดีหรือไม่ดีก็ไม่มีผลกับตัวนี้เท่าไหร่หรอกครับ ^^
     - Cyclical industry หรืออุตสาหกรรมที่ขึ้นลงตามวัฎจักร ถ้าเศรษญกิจดี อุตสาหกรรมก็ดีไปด้วยง่ายๆคืออิงตามภาะเศรษญกิจ อิงตาม Demand ความต้องการสินค้า ถ้าเศรษฐกิจดี คนก็ต้องการสินค้าตัวนี้มากขึ้น บริษัทก็กำไร อิๆ
     - Defensive industry หรืออุตสาหกรรมที่ไม่ตกต่ำตามเศรษฐกิจ ส่วนมากเป็นพวกที่คนเราต้องใช้เป็นประจำเช่น อาหารสำเร็จรูป มาม่า สบู่ ยาสีฟัน อ๊ะแล้วอินเตอร์เน็ตล๊ะ ของจำเป็นรึป่าวอิๆ
  7. เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ในอดีตผมจำได้ว่าเรายังฟังเทปวิทยุ ใส่ในเครื่องเล่นวิทยุเก่าๆอยู่เลย วันนี้เทคโนโลยีได้เปลี่ยนไป เทปวิทยุ แทบไม่ต้องมีโหลดจากเน็ตอย่างเดียว อิๆ เราต้องตามกระแสโลกาภิวัฒน์ให้ทัน ไม่งั้นเด่วเขาจะหาแก่เอาน๊ะ
  8. การแข่งขันในระดับธุรกิจ ยกตัวอย่างง่ายๆ สบู่ยาสระผมครับ แค่นี้คงเห็นภาพเอาให้ชัดอีกก็ดูเสื้อผ้าครับ เอาให้สูงขึ้นไปหน่อยก็รถยนต์ครับ เอาใกล้ๆตัวก็สองแข่งขันเข้ามหาลัย ( อ๊ะมันธุรกิจยังไง ลองคิดดู )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น