สรุปแผนสำหรับไตรมาสหน้า ก่อน เอาเป็นว่าผมโชคดีที่เลือกหุ้นมั่วๆแต่พอมาดูพื้นฐานแล้วถือว่าโอเค ต้องยอมรับว่าเรื่อง มูลค่า บางทีผมยังไม่ค่อยจะชัดเจนเท่าไหร่ในส่วนนี้
1.Bgh ผมถือให้เป็นหุ้นคุณภาพเลยทีเดียวสำหรับตัวนี้
2.Intuch ตัวนี้ยังคงถือต่อไปได้แม้อาจจะมี ส่วนต่างราคาไม่มากนักแต่มีปันผลแข็งแกร่ง
3.Jas มองไปถึงการเติบโตในระยะยาวยังไปได้อีกพอสมควร แน่นอนเสี่ยงมาก ผลตอบแทนมากตัวนี้ ( กราฟเป็นหลัก )
4.Dtac โดยรวมผมมองว่าใกล้เข้าจุดอิ่มตัว ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสัมปทานและส่วนแบ่งรายได้
5.Kh ตัวนี้ผมมองว่าดีนะครับ แต่ไม่ดีที่สุดเพราะการจำกัดลูกค้าแคบเกิน ต้องรอดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานมุมมองต่างๆบ้างหรือไม่
Kh เมื่อ Rsi เกินระดับ 70 ไปแล้ว อาจพิจารณาเปลี่ยนตัวครับ
Bgh Intuch Dtac * Advanc มุมมองเมื่อราคาพลิกลงมาหนัก - ซื้อเพิ่มครับ
ยกเว้น Jas : มุมมองเมื่อราคาพลิกลงมาหนัก - ซื้อเพิ่มครับ
Special Wait For Review : Tuf Cpf Cpall Tks Banpu GfpT Spali
ระบบที่ 1 คือกลับตัว
1.Ccp DrT Itd Tta
ระบบที่ 2 คือ ย่อตัวและดีดกลับ
2.True Tpoly Tmi Cpi Cpf
ระบบที่ 3 คือ มาแรงไปตามเทรน
3.Upf Twfp Tonhua Tnh Tk Rcl Oishi Modern Major Glow Gl Choti Bjc Ai As
เด่วจะเพิ่มในส่วนของระบบของพี่ Mao นะครับ
BreaK out
1.Glow Cfresh Bjc
Leading Stock หุ้นนำตลาด
2.Glow Cfresh Bjc
ในเรื่องของการระบบการเทรดระบบวัน และ สัปดาห์
ผมลองทบทวนดูแล้ว ผมพบว่าถ้าเราเทรดบ่อยๆนั้นในระยะวันนั้น ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่จะทำให้อารมณ์ที่ไปเกี่ยวข้องกับตลาดนั้นมากเกินไปจนกลายเป็นความเครียดและความโลภ
ข้อดีของระบบวัน
1.ได้เสียชัดเจนระยะสั้น ( Sap )
2.อาจแกว่งได้บางครั้งอาจจะก่อให้เกิดอารมณ์ ( ระยะสั้นกราฟแกว่ง )
3.ใช้ได้ดีเมื่อพอร์ทเล็กๆ ( ตัวเล็กไปไวสบายๆ )
ข้อดีของระบบสัปดาห์
1.ได้เสียระยะยาวตาม เทรน ( ไม่ขายหมู )
2.อารมณ์จะไม่แกว่งตามตลาด ถ้ามองกราฟเป็นหลัก
3.พอร์ทใหญ่ๆ จะไม่เกิดการเทรดบ่อยนัก ( ตัวใหญ่ๆจัดหนัก )
ส่วนตัวผมจะขอพิสูจน์ในกราฟระยะสัปดาห์ก่อน ถ้าเก่งกว่านี้เมื่อไหร่อาจจะไปลองกราฟวันบ้างแม้บางทีดูไม่คุ้มก็ตาม
TuF
Q
M
W
D
ลักษณะธุรกิจ : ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง
แบ่งสายธุรกิจเป็น 5 แบบ
1.กลุ่มธุรกิจที่ 1ผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง
- เติบโตชัดเจน เฉพาะในสายธุรกิจประมาณ 20%
2.กลุ่มธุรกิจที่ 2ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์
- เติบโตพอสมควร
3.กลุ่มธุรกิจที่ 3ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์และสินค้าเกษตร
- เติบโตพอสมควร
4.กลุ่มธุรกิจที่ 4ธุรกิจตลาดภายในประเทศ
-เติบโตประมาณ 30%
5.กลุ่มธุรกิจที่ 5ธุรกิจการลงทุนต่างประเทศ
- เติบโตชัดเจนมากอย่างมีนัยสำคัญจาก บจ.เอ็มดับบลิว แบรนด์ส โฮลดิ้งส์ เอสเอเอส และ บจ.ไทร-ยูเนี่ยน โฟรเซ่นโปรดักส์
-
โดยรวมแล้วเติบโตประมาณ 25% อย่างก้าวกระโดดการควบรวมกิจการเอ็มดับบลิว แบรนด์สเช่นเดียกับหนี้สินเช่นกัน
ปัจจัยเสี่ยง
-ทางด้านราคาวัตถุดิบปลาทูน่าสูงขึ้นและสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักของทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
-สาเหตุที่ราคาทูน่าปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนส่งผลให้การจับปลาไม่ดี กฎเกณฑ์การจับปลาที่เข้มงวดมากขึ้น
-ปัจจัยเรื่องหนี้สืนและการจัดการดอกเบี๊ยเงิน รวมถึงฐานะการเงินและอัตราส่วน D/E
การลงทุนนอกเหนือที่น่าสนใจ
- การลงทุนในบริษัท ยูเอส เพ็ท นูทรีชั่น (U.S. Pet Nutrition) ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าสู่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่มากในสหรัฐอเมริกา เป็นโอกาสพัฒนาสินค้าลำดับ 3 รองจากทูน่าและกุ้ง
- การลงทุนซื้อหุ้นสามัญในบริษัท แพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน) Win - Win
มีมุมมองระยะยาว
ด้านความปลอดภัยของอาหารและการพัฒนาที่ยั่งยืนทางทรัพยากรจะยังเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก
สรุป : บริษัทซึ่งทำธุรกิจเกียวกับอาหารทะเล โดยมีสินค้าหลักที่กุ้งและทู่นา
โดยมีวิสัยทัศน์ดังนี้
1. ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักที่บริษัทดำเนินการอยู่ เช่น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์
2. ลงทุนในธุรกิจที่บริษัทมีความเข้าใจและสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
3. ลงทุนในธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนไม่มากนัก ซึ่งจะไม่กระทบกระเทือนถึงบริษัทจดทะเบียน
4. ลงทุนในธุรกิจที่ผู้ร่วมทุนมีส่วนร่วมในการบริหาร ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นเท่านั้น
5. ลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนคืนภายในเวลา 4 ปี
ในส่วนของกราฟ ( Rsi 80/50 )
Q ภาพใหญ่มาก : ขึ้นมาด้วยแรงซื้อต่อเนื่อง ตาม TrenD
M W ภาพใหญ่ : ก็ตาม TrenD เหมือนกัน แต่จะแกว่งมากขึ้น WeeK เพิ่งหลุด 80 มาแปบๆ
D ภาพเล็ก : กราฟวิ่งขึ้นมาเหนือ 50 หมาดๆเดียวดูกันต่อไป
โดยรวมถ้าดูกราฟจะคล้าย Bgh ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น