ลองมาดูราคาของหุ้นใหญ่ๆทั้งหลายตอนดัชนีอยู่ในจุดที่ค่อนข้างต่ำครับ ต้องขอบคุณคุณ yacht7 ด้วยนะครับ
ซึ่งถ้าเรามองดูราคานั้นจะพบว่าบางตัวมีการปรับตัวขึ้นมาสูงทีเดียว มีทั้งแบบปรับขึ้นมาแล้วนิ่งๆ กับ แบบหวือหวาๆ
แบบที่ขึ้นมาแบบมั่นคงนิ่งๆ อาทิเช่น ADVANC AOT BGH BH เป็นต้นนะครับ ยังมีอีกหลาย
แบบหวือหวาขึ้นลงแรงๆ อาทิ เช่น AMATA JAS ซึ่งมักจะไม่ได้อยู๋ใน SET50 เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีหุ้นที่ปรับตัวราคาต่ำกว่าช่วงนี้อีก เช่น BANPU เป็นต้นครับ
ที่ราคาไม่ไปไหนเท่าไหร่ขึ้นลงนิดหน่อยก็ DTAC ครับ ^^ 5555
ก็ลองไปศึกษากันดูนะครับว่า รอบนี้พี่แกเอากลุ่มไหนดัน SET ขึ้นมาถึงจุดนี้ ผมซึ่งไม่ได้เข้าเล่นตั้งแต่เริ่มรอบ ขอแค่นี้ก็โอเคแล้วครับ ^^
ลองมาวิเคราะห์กราฟ SET กันครับ ในส่วนเราเล่นระยะกลาง สั้น ผมจะดูกราฟ W เป็นหลักนะครับ M D ไว้ดูประกอบ
** ต้องบอกก่อนว่าผมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง นะครับ **
ดูกันที่กรอบ RSI ก่อน ผมพยายามจะวางไว้ที่ ( 40 / 80 ) หรือ ( 30 / 70 ) แต่ผลปรากฏว่าในภาวะปกติ Set จะมีกรอบประมาณ ( 40 / 70 ) หลายคนอาจจะบอกว่า ( 30 / 70 ) หรือป่าว จริงๆกูถูกนะครับ แต่ Set จะลงไปต่ำกว่า 30 เมื่อ คนกลัวมากๆจนเทขายกันออก ซึ่งจะลงไประดับต่ำกว่า 40 นิดนึงและแน่นอนลงไปถึง 30 และมักจะลงไปหนักกว่านั้นเมื่อเวลาดังกล่าวมาถึง
ทำความเข้าใจกันก่อนนะครับ ผมจะอธิบายเป็นกรอบสั้นๆเริ่มจาก กราฟระดับ D เพื่อไม่ให้เกิดอาการ งง กัน
อย่างที่รู้ๆกัน โบรกเกอร์จะวางกรอบไว้เสมอ เช่น แนวต้าน 1150 - 1170 หรือ แนวรับ 1100 - 1110 เป็นต้น ซึ่งมันก็ถูกของเขา แต่ว่าบางทีมันสั้นไปและมันไม่ค่อยสร้งความเข้าใจให้นักลงทุนหรือเทรดเดอร์เท่าไหร่ เพราะดูเหมือนกานวางกรอบในลักษณะนี้เป็นการมองระยะสั้นจนเรายึดติดกับ ภาพระยะสั้นไป
ว่ากันตามหลัก RSI แนวรับ ที่หลายคนมักจะลืมไปหรือบางท่านอาจจะไม่รู้ คือ จุดที่เกิด BEARISH LONGTERM RSI DIVERGENCE หรือกล่าวคือ จุดที่คนโลภซื้อหุ้นกันมากที่สุด ในเวลาที่ผ่านมา เมื่อหุ้นเดินทางมาถึงจุดดังกล่าว มักจะแรงซื้อเข้ามารับตลาดไว้ แต่สุดท้ายจะหลุดหรือไม่หลุด อันนี้สุดคาดเดาครับ เพราะถ้ามันไม่หลุดทุกรอบ SET คงไม่ลงถึง 800 กว่า หรอกจริงไหม ^^
แนวรับสำคัญนี้เองที่ทำให้ผมยังไม่ขายหุ้น JAS ออก แม้ใกล้จะเข้าเนื้อแล้วก็ตา จริงๆทุนผม 2.3 กว่าๆนะครับ แต่ดันมือบอลไปซื้อเพิ่มตอน 2.94 และก็ 3. นิดๆจำไม่ได้ ทุนเฉลี่ยเลยอยู่ประมาณ 2.65 ครับ
เด่วผมจะเอาให้ดูก่อนนะครับว่าตรงไหนที่เป็นแนวรับ ยกตัวอย่าง JAS ก่อน เพื่อให้เห็นภาพได้ง่าย
แนวรับราคา 2.68 นะครับ แต่ราคารอบนี้ไม่ลงถึง 2.68 เพราะไม่มีคนขายราคา Low จึงอยู่ที่ 2.70 รอบนี้จะเอาอยู่ไหมมาลุ้นกัน ซึ่งผมอยู่หน้าคอมตลอดนะครับ ตอนราคามันลงมาหนักๆนี้ นั่งงงกันเลยทีเดียวเล่น ลบวันเดียวเกือบ 10%
ปล.หรือนี้เป็นเพียงเกมส์ของขาใหญ่กันแน่น๊า ^^
โอเคครับมาว่ากันต่อเรื่อง Set ผมจะเอาภาพระดับ D ให้ดูก่อน
ตามภาพเลยครับ ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก นี้แค่ยก 1 เท่านั้น ครับ ยังไม่แน่ว่าจะรับอยู่สะทีเดียว แต่แน่นอนผมก็ภาวนาให้รับอยู่อะเนอะ 555 ส่วนตัวศึกษาเรื่อง DW อยู่แต่รู้สึกว่าโหดกันใช่ได้เลยทีเดียวนะครับ หุๆ
การที่ SeT เกิด BEARISH DIVERGENCE ในครั้งแรกที่จุดที่ 1 นั้นแสดงว่า SET เป็น ขาขึ้นเต็มรูปแบบแล้ว และเป็นจุดเตือนว่าเข้าใกล้อันตรายของ SET ครั้งที่ 1 เมื่อมาถึงจุดที่ 2 ซึ่ง SET แสดงอาการ BEARISH LONGTERM DIVERGENCE นั้นเป็นจุดอันตรายที่ 2 ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตลาดจะลง ถ้ารู้ผมขายไปแล้วจริงไหม ^^
หวังว่าถ้าใครได้เข้ามาอ่านจะได้ประโยชน์อะไรบ้างนะครับ ภาวนาให้ SET กลับตัวเป็นขาขึ้นเพื่อ Form รูป กราฟ WeeK ก่อนปรับฐานนะครับ
กราฟ W เกิด RSI DV ครั้งแรกครับ เป็นสัญญาณเบาๆเขย่าเม่าเล่นครับ
กราฟ M ถ้า SET ไม่ทำ NEW HIGH RSI > 70 ผมบอกได้เลยว่าอันตรายมากครับ ครั้งที่ 1 ต่อจากนี้ไม่เท่าไหร่แต่ครั้งที่ 2 มีเจ็บหนักแน่นอน แต่อีกนานครับ ผมคิดว่าถ้าใครได้อ่าน ก็เก็บไว้ครับ แต่อย่าใส่ใจอะไรมากนะครับ ^^ เพราะผมก็มั่วๆ
โอเคครับเบื้องต้นจบเท่านี้ก่อน ทีนี้เรามาดู Pattern ของ Set ที่ว่ากันว่าอันตรายๆให้เราเตรียมตัวรับมือกับกราฟที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตครับ ^^
ลองศึกษากันดูน๊ะผมเอารูปลงไป เผื่อจะย้อนกลับมาดูในวันที่ตลาดแดงสุดๆว่าจะเอาไงดี 5555
SET ระดับ D ระวังสัญญาณอันตราย
SET ระดับ W ระวังสัญญาณอันตราย
SET ระดับ M ระวังสัญญาณอันตราย
รูปแบบของ SeT นะครับ มีข้อน่าสังเกตุดังนี้
1.ถ้าเกิด Divergence หลัง RSI วิ่งเหนือ 80 ครบ 3 ครั้งเมื่อไหร่ เป็นสัญญาณอันตรายสำคัญเชียวล๊ะ
2.ผมยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับสัญญาณเตือนสะเท่าไหร่ สงสัยต้องค่อยๆศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น