เอาเป็นว่าผมอัดอั้นในใจมานานละ แม้ตอนนี้ก็ยังไม่หายไปครับ พูดตรงๆเริ่มแรกก่อนนะครับ
เนื่องจากผมมีการจัดทำ งบดุล พอร์ตการลงทุนโดยละเอียด แบบมีกำไร ขาดทุน ค่าธรรมเนียม เงินปันผลและเครดิตภาษีโดยใช้เกณฑ์คงค้างด้วย
นับแต่ปลายปี 55 - สิ้นเดือน ก.พ. 56
ผมสามารถสร้างพอร์ตโตได้ประมาณ 50% หรือมากกว่าจากวันเริ่ม
ตามที่เห็นกันผมถือหุ้นทั้งหมด 7 ตัว คือ BGH BLAND BOL HTC MBAX TNDT SCP
ซึ่ง 7 ตัว นี้ผมว่าคงจะคุ้นหูกันมาบ้างโดยเฉพาะ SCP เป็นหุ้นที่ผมเจาะทั้งพื้นฐานและเทคนิค เรียกว่าแน่นเลยทีเดียว
แต่ทว่า ชีวิตย่อมมีอุปสรรค มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ SK FaitH ปี 1 วันที่ 20 และต่อเนื่องไปอีกหลายวัน
ด้วยความทรนงของผม ผมขายหุ้นทุกตัวออกไปก่อนเมื่อ SK FaitH ปี 1 วันที่ 23 โดยคิดจะซื้อคืนในราคาถูกกว่า ( SAP )
.......... แต่มันไม่เป็นแบบนั้น ผมพลาดโอกาสและปล่อยราคาวิ่งไปหน้าตาเฉย
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นครั้งแรกกับ JAS และครั้งที่ 2 กับ BGH และ SCP
นั้นคือ เหตุการณ์ที่ 1 หลังจากนั้นผมให้กำลังใจตัวเองว่าสู้ๆ SK FaitH ปี 1 วันที่ 28
ผมเริ่มต้นอีกครั้งด้วยความหวังกับ DW ว้ามันจะกำไรให้งามๆ ^^
แต่ไอผมที่ทรนง .... ก็ยังมองว่าตลาดเป็นการพักฐาน ... แต่ดัน Short สะงั้น(หนักด้วย) SK FaitH ปี 1 วันที่ 32
ต่อมา Set เมื่อ SK FaitH ปี 1 วันที่ 42 ทำ Lower Low วันนี้ผมเห็น Divergence ชัดเจนมากแต่เข้าข้างตัวเอง ด้วยความทรนง ไม่ยอมโพสต์ลงไปด้วย
ต่อมาผมเริ่มมองหาความผิดพลาด SK FaitH ปี 1 วันที่ 52 และเริ่มจะพัฒนาระบบอีกครั้งหนึ่ง
อีกวันต่อมาผมพบวิธีการเทรดง่ายๆ เมื่อ SK FaitH ปี 1 วันที่ 54 ซึ่งก็ง่ายจริงๆง่ายมากๆด้วย ต่อมาเมื่อ SK FaitH ปี 1 วันที่ 77 ในขณะที่ Set วิ่งไปแล้ว 5% ถ้าหุ้นในพอร์ตผมไม่ขึ้นก็ไม่เป็นไรไอนี้มันดันลงไป แล้วไม่ลงธรรมดาลงหนักด้วย ( 7 ตัว BJC CFRESH FOCUS MBAX SIRI TVI TNH ) ไม่ใช่เพราะระบบไม่ดี แต่เพราะผมไม่ได้ตรวจสอบอย่างรอบคอยและไม่ได้วางแผนอย่างละเอียดนัก
7 ตัว ก่อนหน้า กับ 7 หลัง นี้มันคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
ความผิดพลาดที่เจอและคิดได้ คือ
1.หุ้นที่ราคาลง ผมมักไม่คัทลอสที่ -5% ( ของผม ) หรือ ที่แนวเส้น Trendline StopLoss
2.หุ้นที่ราคาลง ผมมักชอบซื้อถัวเมื่อราคาลงเลยแนว SL ถึงแนวรับถัดไป และราคาก็มักจะลงเลยแนวรับไปอีกจนผมต้อง SL หนักกว่าเดิม
3.หุ้นที่ราคาขึ้น ผมมักจะขายที่เส้นแนวต้าน และพบว่าราคามักจะวิ่งขึ้นไปต่อ
4.ผมมัก เบลอ เมื่อเล่นด้วยเทคนิค แต่พอหุ้นลงก็มักหาเหตุผลมาประกอบ สารพัดอย่างเพื่อปลอบใจตัวเอง แล้วก็ไม่ SL ตามแผน
5.ผมมักมองหาแต่ Upside แต่กลับไม่มอง Downside หรือไม่ตรวจสอบเลย
6.ผมมักจะขายหุ้นพื้นฐานดีที่ผมศึกษามาแล้วอออกไปก่อน โดยพยายามที่จะซื้อมันในราคาที่ถูกกว่า แต่สุดท้ายก็ไม่เคยได้ซื้อเลย
7.เมื่อบางอย่างไม่เป็นไปตามที่ผมคาดคิด ผมมักมีความรู้สึกขัดแย้งอยู่เสมอๆ
8.เมื่อผมไม่ได้วางแผนการเทรดไว้ บ่อยครั้ง อนาคตที่เกิดขึ้นมักอยู่ตรงข้ามกับสิ่งที่อยากให้เป็น
ผมสุ้มาแล้ว 2 ครั้ง ครับ ต่อจากนี้ผมจะสู้อีก 1 ยก ถ้ายกนี้ไม่ไหว ผมจะขอถอยออกมาตั้งหลักแล้วครับ
มีคนที่รักผมมาก บอกผมว่า ถ้าลองสู้แล้วไม่ไหว ให้ลองสู้ใหม่แต่ให้ลองเปลี่ยน"ความคิด"
จาก 8 ข้อด้านบนผมมีความเห็นสนควรปรับเปลี่ยนความคิดและการวางแผนดังนี้
1.มองและตรวจสอบ Downside ก่อนมองหา Upside เสมอ
2.เมื่อราคาลงถึง 5% หรือแนว Trendline ให้ Stoploss ทันที
3.เมื่อราคาลงมาเลยแนวดังกล่าวให้โยนทิ้งทุกราคา
4.เข้าด้วยเทคนิคออกด้วยเทคนิค เข้าพื้นฐานออกด้วยพื้นฐาน
5.หุ้นเทคนิคปล่อยให้หุ้นวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆแล้ววางเส้น Trendline หรือ Fibo ไว้ เพื่อ Lock Profit
6.หุ้นพื้นฐานเมื่อราคาลงมาแล้ว กลับตัวแล้ว ทำรูปแบบย่อตัว Divergence ใดๆ ให้ถือเป็นจุดเข้าสำคัญ
7.เมื่อบางอย่างไม่เป็นไปตามที่คิด จงปล่อยวางและทำความเข้าใจมัน
8.วางแผน วางจุด SL ทุกครั้ง ก่อนการเทรด
9.ถามตัวเองว่าวันนี้ถ้าคุณยังจะเทรดหุ้นต่อไป คุณมีความสุขไหม ถ้าใช่ทำต่อไป แต่ถ้าไม่ถอยหลังออกมา
ปล.ด้วยความหวังดี จากชายผู้แสนทรนง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น