วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เริ่มเดินทางวันที่ 235 ( Exit Strategy )

วันนี้จะมาพูดถึงความสำคัญของ แผนการขาย(ออก)จากหุ้น

โดยส่วนตัวผมคิดว่าการขายหุ้นออกมานั้น ยากกว่าการเข้าซื้อ และสำคัญกว่าด้วย

เพราะคนเรามักมีความลังเล เข้าข้างตัวเอง โดยพื้นฐานอยู่แล้ว เชื่อผมเถอะ 555

นี้ถ้าผมไม่ไดเข้าใจรูปแบบ การเคลื่อนตัวของ RSI ผมคงมึนเอาง่ายๆเหมือนเมื่อก่อนแน่เลย

และการวางแผนการออกที่ง่ายที่สุดสำหรับผม ก็คือ ออกเมื่อ

RSI หลุด 80 นั้นเอง 555 สั้นๆหน่อยไม่เสี่ยงก็หลุด D ขาย อยากเสี่ยงมาก ก็รอหลุด W ขาย

ส่วนเรื่องการซื้อคืนตอนนอกจาก ระดับ Fibo / Rsi 50 รูปแบบอื่นผมยังไม่ค่อยเข้าใจเลย

ทว่าปัญหามันคือ คาบของเวลาในการออก เพราะไม่รู้ว่าจะใช้ Time Frame ไหนดีๆ

ต้องยอมรับกันก่อนว่าทุกตัวผมเข้า กราฟ D หมด ยกเว้น CPF เข้า กราฟ W อิงกราฟ D

ซึ่งหากเข้าด้วยกราฟ D ก็ต้องออกด้วยกราฟ D หากคิดตามหลักการเทรดง่ายๆ

เพราะไม่งั้นการเปลี่ยนเงื่่อนไขของการขาย จะเปลี่ยนไปและเราก็จะเสียวินัยของเราเอง

ดังนั้น * ผมจึงสมควรจะออกจาก Jas ใน TimeFrame กราฟ D แม้ว่า

มันอาจจะเป็นการเสียโอกาส เสียกำไร หรือ ผิดพลาดในประเด็นต่างๆก็ตาม

แต่โอกาสมีใหม่เสมอผมเชื่อ ดังนั้น Jas หลุด RSI 80 เมื่อไหร่ขายเมื่อนั้น

ต้องยอมรับว่าตอนแรกผมคิดแบบข้างบนจริงๆครับ ไม่เถียงเลย

ทว่าเมื่อทบทวนอีกที ก็ยังคิดไม่ตกว่า

ทำไมเราไม่หยืดยุ่นมักสักหน่อย ....ต้องยอมรับว่าต้องขอใช้เวลาศึกษาอีกสักแปบ *-* 555 เพราะไอข้อความนี้ก็ไม่ต่างจากคำว่าเฮ๊ยมันไม่ลงหรอก 555

สรุปๆแล้วก็คือ คิดแล้วลอง ลองแล้วผิด ก็แก้ไข ไปเรื่อยๆใจเย็นๆ

หุ้นๆมีหลายประเภท หลายอุตสาหกรรม หลายบริษัท

รูปแบบกราฟก็มีหลาย ปรเภทขาขึ้น ขาลง หุ้นปั่น ค่อยขึ้นเป็นเทรน ลงแบบแรง หรือโดดไปเลย ออกข้างก็มี

ราคาหุ้นเกิดจากคนที่ซื้อและขายกัน ฉะนั้นนี้แหละ คือ ความยากของตลาดหุ้น

การพยายามคาดเดาความรู้สึกของมนุษย์ เป็นสิ่งที่เกิดการคาดเดาในระดับมันสมองที่เต็มไปด้วยกิเลสจริงๆ

ถ้าคุณมีสมองเหนือกว่าระดับที่เต็มไปด้วยกิเลสแล้ว ผมว่าคุณคงไม่สนใจตลาดหุ้นแล้วแหละ

เอาให้ง่ายกว่าหน่อย ก็คือ มองโดยปราศจากกิเลส ซึ่งบอกได้ว่าแค่โจทย์ข้อนี้ ก็หินสุดๆแล้ว 5555

โชคดีมีชัยทุกคนครับ ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น