วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

SK FaitH ปี 1 วันที่ 67 ( Divergence กับ ตลาดหุ้น )

ก่อนอื่นผมขอเกริ่นนำเรื่องของ Divergence ก่อนว่ามีความเกี่ยวพันกับตลาดหุ้นอย่างไร

Divergence แปลเป็นไทยได้ว่า ความแตกต่าง , ความขัดแย้ง ปลฯ

ซึ่งถ้ามองในเรื่องนี้ Divergence ในทาง พื้นฐานอาจจะมีอยู่ อาทิเช่น พื้นฐาน เติบโตดี แต่ราคาไม่ไปไหน ( มันต้องมีอะไรที่ไม่สมดุลแน่เลย อิๆ )

หรือถ้ามองในเชิงการเทคนิค ก็อย่างเช่น ราคาทำ LowerLow แต่ Indicator HigherLow เป็นต้นฯ

ถ้าลองมองกว้างๆจริงๆ ผมอยากให้มอง Divergence ในแง่ของความไม่สมดุลของธรรมชาติ

ความไม่สมดุลของธรรมชาติ ที่ผมกล่าวถึงในมุมของผมก็ คือ มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้น

ซึ่งเรื่องของความไม่สมดุลกัน ในทางพื้นฐานนั้นมีให้เห็นมากมายพอสมควร แต่ถ้าจะอธิบาย...เกรงว่าจะมีการโต้เกียงกันยาว

เอาเป็นว่าลองมาดู Divergence ซึ่งเข้าใจง่ายๆ Divergence ในศาสตร์ที่เราคุ้น Divergence แนวกราฟหรือแนวเทคนิคนั้นเอง ^^

Divergence ในทางเทคนิค เป็นอาการซึ่งบอกถึงเหตุการณ์ที่รูปแบบ Indicator ทำราคาแตกต่างไปจากรูปแบบราคา อย่างแตกต่างกัน

ซึ่ง Divergence นั้น จำแนกได้ง่ายๆสองแบบ คือ

1.Bullish Divergence 2.Bearish Divergence

สำหรับผม หัวใจของ Divergence คือ สิ่งใดไม่สมดุลกัน เมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะกลับไปสู่จุดที่มันสมดุลเอง "มันเป็นธรรมชาติ"

โดยมีรูปแบบของ Divergence คือ 1.Regular Divergence 2.Hidden Divergence

Regular Divergence สำหรับผมนั้นเป็นรูปแบบที่สังเกตุได้ง่ายกว่า Hidden เพราะมองตามเทรนจุดสูงของขาขึ้น จุดต่ำของขาลง

Regular Divergence มักเกิดขึ้นบ่อยกว่า Hidden Divergence และในบางทีมักแสดงผลเมื่อมีรูปแบบดังกล่าวมาเป็นระยะเวลานาน

มีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ คือ

ในตลาดขาลง คือ เมื่อราคาทำ Lower Low แต่ Indicator ทำ Higher Low ( Bullish Divergence )



ในตลาดขาขึ้น คือ เมื่อราคาทำ Higher High แต่ Indicator ทำ Lower High ( Bearish Divergence )



Hidden Divergence เป็นรูปแบบที่พบไม่ได้บ่อยนัก(ชอบหลบซ่อนตามชื่อ)และมักมีนัยยะสำคัญ ในการกลับทิศ

ซึ่ง Hidden Divergence นี้เองเป็นที่มาของผมที่ว่า เลี่ยงที่แข็ง ... ตีที่อ่อน ... ลองไปศึกษากันให้ดี มีรางวัล ^^

มีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ คือ

ในตลาดขาลง คือ เมื่อราคาดิ่งเป็นขาลงแล้วเด้งขึ้นมา ราคาทำ Lower High แต่ Indicator ทำ Higher High



ในตลาดขาขึ้น คือ เมื่อราคาวิ่งเป็นขาขึ้นมาแล้วย่อตัวลงมา ราคาทำ Higher Low แต่ Indicator ทำ Lower Low ( Bullish Divergence )



ชมตัวอย่างรูปแบบที่น่าสนใจได้ในที่นี้ เฉพาะกราฟระดับ W นะครับ ^^

อย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าใครสนใจ ผมอยากให้มีการศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากรูปแบบแต่ละอย่างอาจจะเหมาะกับ Indicator ที่แตกต่างกันไป

ปล.ขอบคุณภาพประกอบจากเว็บ Babypips

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น