โดยมี้เป้าหมายดังนี้
1.บทวิจัยเกี่ยวกับภาวะตลาดก่อนวันหยุดประจำปี
2.การวางแผนการเงินว่าด้วยเรื่องความเสี่ยงและการ Stop Loss
3.ผมเปรียบการเทรดของผมเป็นสินค้าดังนั้น ผมอยากให้สินค้าที่ผมขายให้ลูกค้า ดีขึ้นและตอบสนองความต้องการของลูกค้าซึ่งตอนนี้ผมพัฒนาอยู่เรื่อยโดยแบ่งเป็น
3.1 สินค้าระบบเทรด Technical Analysis
3.2 สินค้าระบบพื้นฐานและงบการเงิน Valve Invester
3.2 สินค้าระบบพัฒนาและฟื้นตัว Growth and Turnover StocK
แน่นอนโจทย์สามข้อนี้ไม่ง่ายและโดยเฉพาะข้อ 2 และ 3 ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เอาเป็นว่าเริ่มจากข้อ 1 ก่อนแล้วกัน
จากที่ผมได้ลองทดสอบผมขอสรุปสั้นเลยว่า ราคา ในหุ้นจะสะท้อนความต้องการระยะสั้นออกมาและจะมีเครื่องมือบางชนิดที่บอกให้ขายใน TimeFrame ที่แตกต่างอยู่ที่ว่าเราจะเลือกกินยาว หรือจะเสี่ยงวิ่งรอบสั้นแต่บ่อยๆ แล้วแต่เลือกเอาอันไหนก็แล้วแต่ ว่ากันไป
จบโจทย์ข้อ 1 ผมศึกษาแล้วไม่มีนัยยะสำคัญเท่าไหร่ แต่ก็สามารถไขข้อข้องใจได้ดี
สิ่งที่น่าสนใจคือ อัตราที่ว่าราคาปิดก่อนวันหยุดจะลบนั้น ประมาณ 2 เท่า ของราคาบวกนี้ คือเรื่องจริงว่าง่ายๆส่วนมากปิดลบก่อนวันหยุด แต่ส่วนมากมันจะเป็นตามแนวโน้มสะมากกว่าไม่ได้ลงมาวันเดียว ดังนั้นเครื่องมือของเรามักจะบอกอะไรมาก่อนหน้านั้นแล้ว
มาถึงโจทย์ข้อ 2 เลย
1.ผมตังไว้ว่า Stop Loss เบื้องต้นไม่เกิน 5% ในกรณีที่มี Bias ว่าจะขึ้นจะใช้เป็น Low ก่อนซื้อและมากสุด 10% เท่านั้น
2.ผมตั้ง Risk ไว้ว่าถ้าได้กำไรจะ let profit run โดยมุ้งหาผลตอบแทนมากกว่า 10% เป็นอย่างต่ำต่อครั้ง นั้นหมายถึงผมอาจจะต้องมองกรอบใหญ่สะหน่อย ผมมองไว้ที่ 15% เป็นอย่างต่ำต่อครั้ง
3.ไม่ง่ายเลยน๊ะที่จะทำตาม แต่ง่ายที่จะหาความเสี่ยงและผลตอบแทนในระดับนี้
4.ผมให้ Ratio Win loss เท่ากับ 50 / 50 ดังนั้น
ผมเสียอาจจะเสีย 5 ในหุ้นตัวหนึง แต่ได้ 10 ในหุ้นอีกตัวหนึ่งหรือมากกว่านั้น แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่ผมเสีย 10% และได้ผลตอบแทนไม่ถึง 10% ผมจะเสียเงินต้นไม่มาก แต่จะได้ประสบการณ์ที่เรียกว่าจัดหนักกันมาเลยทีเดียว 555
ตอนนี้ผมมองว่าผมสามารถเท่าได้ที่ Stop Loss 5% และ Let profit run 10% ดังนี้
ผมเสีย 5% ในหุ้น 1 ตัวและได้ 10% ในหุ้นอีก 1 ตัว โดยปกติผมซื้อหุ้นด้วยมูลค่าเฉลี่ยเท่ากันดังนั้น
ถ้ามูลค่าพื้นฐานผมเท่ากับ 50,000 ว่ากันความน่าจะเป็น ผมเสีย 2500 ในหุ้น 3 ตัว รวม 7500 และได้ 10 ในหุ้น 3 ตัวรวม 15000 สรุปผมกำไร 7500 ไม่รวมเงินปันผล และ ประสบการณ์ โดยสมมุติพอร์ตผม 300,000 ซึ่งถือว่าเป็าเป้าหมายเบื้องต้นของผม โดยผมคิดว่าจบรอบนึงของผมน่าจะอยู่ประมาณ 3 เดือน จากความคิดนี้ ผมจึงอาจจะทำสรุปผลตอบแทนเมื่อครบทุกๆ 90 วัน ของการเดินทาง
3 เดือนได้ 5% ปีหนึ่งก็ได้ 5% ทบต้น 4 ครั้ง ได้กำไรประมาณ 21% ทบต้น หักค่าคอมมิสชั่น แล้วอาจจะไม่น้อยสำหรับ VI แต่สำหรับผมซึ่งยังต้องศึกษาตลาดหุ้นอีกเยอะถือว่าพอรับได้ นี้ถ้ารวมเงินปันผลไปแล้วน่าจะอยู่ประมาณ 25% นะนี้ ในกรณีที่สามารถทำได้เช่นนี้ผมก็ถือว่าสุดๆแล้ว 555 ได้ปันผลแจ๊สมาแล้ว อิๆ
ในส่วนเบื้องต้นนี้ คือ เฉพาะสาย Technical นะครับ ไม่นับรวมพื้นฐานและการเติบโต ที่เรามองพื้นฐานและตัวธุรกิจ การเติบโต เป็นหลัก
โจทย์ข้อ 3 ค่อนข้างหินผมขอเวลาสักพักในการแก้โจทย์ข้อนี้ เพราะผมคงแก้ทุกวันเพราะผมพัฒนาอยู่เรือยๆ ยังมีอะไรที่ต้องศึกษาอีกเยอะๆด้วยภาพรวมแล้ว
1.เรื่องเทคนิค ผมสามารถตอบสนองลูกค้าได้ดีในระดับหนึ่งแต่มือใหม่อยู่ดี 555 ยังอ่อน
2.เรื่องพื้นฐาน อันนี้ศึกษามาได้พักนึงแล้ว แต่ยังไม่เจาะยังไม่ชัวยังไม่ชัดเจน ดูเฉพาะเชิงปริมาณ แต่ยังตีเรื่องคุณภาพไม่แตก ยังไม่แจ่ม
3.1 เติบโต ตัวนี้ผมตอบตรงๆผมมองภาพใหญ่คือ ในขีวิตประจำวันเลย แต่ไม่รู้จะตอบโจทย์ได้ไหม
3.2 ฟื้นตัว อันนี้เข้าแนว High Rish , High Return เอาเป็นว่าต้องศึกษาเยอะๆหน่อย โจทย์ขอนี้ต้องให้เวลา
วันนี้ไม่ลืมที่จะมาดูแนวโน้มระยะ Day กัน ผมวางไว้ว่าทุกสุปดาห์เท่านั้นที่จะอัฟเดทกราฟ WeeK ยกเว้นกรณี ขึ้นมากไปหรือลงมากไป
เริ่มจากหุ้นในพอร์ตก่อนเลย
CPF พ่อค้าอาหาร ตั้ง Cut Loss ไว้ที่ 36.00 และ 34.75 ว่ากันไป ข้อควรระวังคือตอน Set ลงรอบที่แล้ว CPF ก็ลงกะเขาด้วยเหมือนกัน แนวต้าน RSI 45
Jas เน็ตสไตล์เด็กติดเกมอยู่บ้าน จุดน่าสนใจอยู่ที่ Bullish Divergence ก่อนราคาวิ่งนั้นเอง
Dtac มีสัญญาณ Bullish Divergence ใน RSI เหมือนกัน
Pjw วาง Stop ที่ 4.28 และ 4.10
Bgh สัญญาณ Bullshi Divergence จริงๆตัวนี้
จากบทความนี้ผมสงสัยเรื่อง สัญญาณ Divergence ที่เกิดในเครื่องว่าเพราะอะไรผมจึงจะทำการศึกษาอีกสักแปบนึง ^^
โดยจะหาหุ้นที่มีสัญญาณแบบนี้มาสะหน่อยดูไว้เป็นประสบการณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น